งานบริการวิชาการและวิจัย

ประโยชน์กับชุมชน-สังคม-ประเด็นร้อน

ผลิตภัณฑ์ชีวภาพเพื่อแก้ปัญหาน้ำมันปนเปื้อนในทะเล

          การรั่วไหลของน้ำมันในทะเลเป็นปัญหาสำคัญทางสิ่งแวดล้อมทำให้เกิดผลเสียต่อระบบนิเวศวิทยาและสังคมในวงกว้าง น้ำมันที่รั่วไหลที่ลอยอยู่บนผิวน้ำส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำ และหากน้ำมันที่รั่วไหลถูกพัดพาด้วยคลื่นและลมเข้าสู่ชายฝั่ง ย่อมทำให้ทัศนียภาพของชายหาด การท่องเที่ยวและภาคเศรษฐกิจได้รับความเสียหาย ตลอดจนส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน และในเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา มีข่าวการเหตุการณ์การรั่วไหลของน้ำมันดิบจากท่อขนส่งน้ำมันใต้ทะเล บริเวณทุนผูกเรือน้ำลึก อยู่ห่างจากท่าเรือมาบตาพุดประมาณ 20 กิโลเมตร ในพื้นที่จังหวัดระยอง แม้ว่าหน่วยงานต่าง ๆ จะพยายามอย่างยิ่งในการกำจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลออกจากทะเล และพื้นที่ชายฝั่ง แต่ก็ยังคงมีคราบน้ำมันบางส่วนที่ยังปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ภาพที่ 1 รองศาสตราจาย์ ดร.อรฤทัย ภิญญาคง หน่วยปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีจุลินทรีย์เพื่อการจัดการมลพิษทางทะเล ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

            หน่วยปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีจุลินทรีย์เพื่อการจัดการมลพิษทางทะเล ภายใต้การดูแลของ รองศาสตราจาย์ ดร.อรฤทัย ภิญญาคง ภาควิชาจุลชีววิทยา (ภาพที่ 1) ได้พัฒนานวัตกรรมชีวภัณฑ์ (ภาพที่ 2 – 4) เพื่อการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมหลังจากที่มีการรั่วไหลของน้ำมันดิบในทะเลเป็นผลสำเร็จ ชีวภัณฑ์นี้ส่วนช่วยในการย่อยสลายสารมลพิษในน้ำมัน และสามารถนำไปใช้กำจัดสารพิษอื่น ๆ ที่เป็นสารอินทรีย์ รวมถึงคราบน้ำมันที่รั่วไหลได้ด้วย

            ก่อนที่จะกล่าวถึงการนำชีวภัณฑ์ไปใช้ในการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม จะต้องทราบก่อนว่า กระบวนการกำจัดสารพิษหรือสารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมน้ำมีด้วยกันหลายวิธี และแต่ละพื้นที่อาจมีความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน

  • วิธี Natural Attenuation หมายถึง การใช้จุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการย่อยสลายสารพิษตามธรรมชาติ กระบวนการนี้เหมาะสมในบางพื้นที่ เช่น พื้นที่มีจุลินทรีย์ที่มีความหลากหลาย มีสภาพอากาศ ภูมิประเทศ และอุณหภูมิที่เหมาะสม โดยในช่วงเริ่มต้นจะต้องศึกษาและมีข้อมูลของความหลากหลายของจุลินทรีย์ในธรรมชาติในพื้นที่นั้น ๆ เสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลจุลินทรีย์ที่มีเอนไซม์เฉพาะที่สามารถนำน้ำมันหรือสารอินทรีย์ที่รั่วไหลมาใช้เป็นแหล่งอาหารหรือแหล่งคาร์บอน (Carbon source) ได้ นอกจากนี้จำเป็นที่ต้องตรวจติดตามว่า เมื่อเวลาผ่านไป ปริมาณสารพิษหรือสารปนเปื้อนมีระดับลดลงไปมากน้อยเพียงใด
  • วิธี Bio-stimulation เป็นการปรับสภาวะให้สิ่งแวดล้อมมีความเหมาะสมต่อการเจริญของจุลินทรีย์ที่ความสามารถในการย่อยสลายสารพิษตามธรรมชาติให้มีจำนวนมากขึ้น และมีปริมาณมากเพียงพอที่จะกำจัดสารพิษหรือสารปนเปื้อนออกไปได้ วิธีนี้เหมาะใช้กับพื้นที่ที่พบจุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการย่อยสลายสารพิษอยู่แล้ว แต่มีจำนวนน้อยหรือไม่พอเพียง หรืออยู่ในสภาวะที่ไม่เหมาะสมกับการมีกิจกรรมการย่อยสลายสารมลพิษ ตัวอย่างการปรับปรุงสภาพสิ่งแวดล้อม เช่น การเพิ่มปริมาณไนโตรเจน หรือการเพิ่มปริมาณออกซิเจน เป็นต้น
  • วิธี Bioaugmentation เป็นการเติมจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการย่อยสลายสารพิษ วิธีนี้เหมาะสำหรับพื้นที่หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่มีจุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการทำลายสารพิษ ในการเลือกจุลินทรีย์ควรเลือกชนิดของจุลินทรีย์ที่มีแหล่งที่มาใกล้เคียงกับสภาพที่จะนำจุลินทรีย์ไปใช้ และจุลินทรีย์จะต้องมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่จะนำจุลินทรีย์ไปใช้ได้   

ภาพที่ 2 ผลิตภัณฑ์พร้อมใช้แบบสูตรน้ำ   

ภาพที่ 3 ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์อัดเม็ด   

            ในการค้นหาของจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการย่อยสลายสารพิษ หน่วยปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีจุลินทรีย์เพื่อการจัดการมลพิษทางทะเล ได้เริ่มจากการสำรวจหาจุลินทรีย์ที่ย่อยสลายสารมลพิษต่าง ๆ รวมถึงจุลินทรีย์ที่ช่วยในการปกป้องจุลินทรีย์ด้วยกัน เช่น จุลินทรีย์ที่สร้างฟิลม์ชีวภาพ (biofilm) หรือจุลินทรีย์ที่สร้างสารลดแรงตึงผิวชีวภาพ (biosurfactant) เพื่อทำให้จุลินทรีย์สามารถเข้าถึงมลพิษได้ง่ายขึ้น ขั้นตอนในการพัฒนาชีวภัณฑ์ประกอบด้วย 

            1) การสำรวจพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนหรือรั่วไหลของสารมลพิษ จากนั้นนำดินตะกอนหรือน้ำจากธรรมชาติที่คาดว่าจะมีจุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการย่อยสลายสารพิษอาศัยอยู่ ตัวอย่างเช่น แหล่งที่เคยพบการปนเปื้อนของน้ำมันมาก่อน หน่วยวิจัยได้แยกจุลินทรีย์จากดินตะกอนทะเล ดินตะกอนจากป่าชายเลย ดินตะกอนปากแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นต้น นำตัวอย่างดินและน้ำปนเปื้อนกลับมาที่ห้องปฏิบัติการวิจัย

           2) การเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการกำจัดสารพิษโดยใช้วิธีการเฉพาะในห้องปฏิบัติการ (enrichment) กล่าวคือ การนำจุลินทรีย์มาเลี้ยงในอาหารที่ไม่มีแหล่งคาร์บอนยกเว้นสารอินทรีย์ปนเปื้อนที่ต้องการกำจัดเพียงชนิดเดียว กระบวนการนี้เป็นการบังคับให้จุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการกำจัดสารพิษยังคงมีชีวิตรอดและเพิ่มจำนวนได้ ส่วนจุลินทรีย์ชนิดอื่น ๆ จะไม่สามารถเจริญเติบโตได้และตายไปในที่สุด

           3) นอกจากวิธีการขั้นต้น ปัจจุบันหน่วยปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีจุลินทรีย์เพื่อการจัดการมลพิษทางทะเลได้นำเทคนิคทางด้านอณูชีววิทยา (Molecular Biology) เช่น เมทาจีโนมิกซ์ (Metagenomics) นำมาใช้ในการสำรวจว่ามีจุลินทรีย์ชนิดใดบ้างที่พบในธรรมชาติ และจากนั้นก็หาอาหารเพาะเลี้ยงที่มีความเหมาะสมกับจุลินทรีย์เหล่านั้น ซึ่งจะช่วยให้สามารถแยกจุลินทรีย์ชนิดใหม่ ๆ ได้เพิ่มเติม

          4) หลังจากที่ได้จุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการย่อยสารพิษ ต่อไปเป็นขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความพร้อมสำหรับการใช้งาน ซึ่งมีหลายรูปแบบ อาทิ

  • ผลิตภัณฑ์พร้อมใช้แบบสูตรน้ำ (ภาพที่ 2) มีการนำจุลินทรีย์มาเตรียมในรูปแขวนลอย (suspension) ในสารที่คัดเลือก ซึ่งจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีอายุการใช้งานที่ยาวขึ้น และนำไปใช้ได้อย่างสะดวก เช่น นำไปใช้พ่นบำบัดทรายหรือดินที่มีการปนเปื้อนของสารมลพิษ
  • ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์อัดเม็ด (ภาพที่ 3) โดยนำจุลินทรีย์ที่คัดแยกได้ไปผสมกับวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรและสารปกป้องเซลล์ สามารถนำไปบัดบัดดินหรือทรายที่มีการปนเปื้อน ได้เช่นกัน และหากทำการเพิ่มรูพรุนในดินด้วยแล้ว จะมีส่วนช่วยให้การย่อยสลายมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย
  • ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ที่เตรียมจากแบคทีเรียตรึงบนวัสดุดูดซับ (ภาพที่ 4) ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้เหมาะสำหรับการบำบัดน้ำที่มีการปนเปื้อน ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ตรึงบนวัสดุซับน้ำมัน โดยวัสดุซับน้ำมันทำหน้าที่ดูดซับและกักเก็บน้ำมันที่เป็นอาหารของจุลินทรีย์ ทำให้จุลินทรีย์สามารถนำน้ำมันเหล่านั้นมากำจัดได้มีประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มีการขายกันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ ในประเทศไทยยังมีจำกัดและบางผลิตภัณฑ์ก็ยังอยู่ในระดับห้องปฏิบัติการ เนื่องจากตลาดการใช้งานมีความจำกัด

 

           นอกจากนี้ ข้อสำคัญอีกประการหนึ่งในการเลือกจุลินทรีย์มาใช้ จะต้องเลือกชนิดที่ไม่ก่อโรคหรือเป็นอันตรายต่อมนุษย์หรือสัตว์ ในขณะนี้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้เหล่านี้ได้มีงานวิจัยรองรับ และพร้อมไปสู่ระดับขยายขนาดแล้ว พร้อมที่จะให้ผู้ลงทุน/ผู้สนใจ มาคุยด้านการร่วมมือและพัฒนาต่อยอด ทั้งนี้ หน่วยงานของภาครัฐและเอกชนที่สนใจสามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก

 

รองศาสตราจาย์ ดร.อรฤทัย ภิญญาคง

ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

หน่วยปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีจุลินทรีย์เพื่อการจัดการมลพิษทางทะเล

โทร 02-2187164

อีเมล onruthai@gmail.com, onruthai.p@chula.ac.th

ภาพที่ 4 ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ที่เตรียมจากแบคทีเรียตรึงบนวัสดุดูดซับ

ที่มา

รายการรายการทันโลกวิทยาศาสตร์  ทุกวันเสาร์ 10.00-10.30 น. ทางสถานีวิทยุจุฬาฯ FM101.5

เรื่อง “สารชีวภัณฑ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนน้ำมัน”  โดย รศ.ดร.อรฤทัย ภิญญาคง ภาควิชาจุลชีววิทยา

ออกอากาศวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2565

เว็บไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=TY7645QqWgw

เรียบเรียงข้อมูลโดย  : รศ.ดร.อรฤทัย ภิญญาคง ผศ.ดร.สิทธิพร ภัทรดิลกรัตน์ และ คุณธนัฎฐา สุทธิมาศ งานวิจัยและบริการวิชาการ คณะวิทยาศาสตร์

เอกสารอ้างอิง

Laothamteep N, Naloka K, Pinyakong O. Bioaugmentation with zeolite-immobilized bacterial consortium OPK results in a bacterial community shift and enhances the bioremediation of crude oil-polluted marine sandy soil microcosms. Environ Pollut. 2022 Jan 1;292(Pt A):118309.

Sakdapetsiri C, Kaokhum N, Pinyakong O. Biodegradation of crude oil by immobilized Exiguobacterium sp. AO-11 and shelf life evaluation. Sci Rep. 2021 Jun 21;11(1):12990. doi: 10.1038/s41598-021-92122-1.

Naloka K, Polrit D, Muangchinda C, Thoetkiattikul H, Pinyakong O. Bioballs carrying a syntrophic Rhodococcus and Mycolicibacterium consortium for simultaneous sorption and biodegradation of fuel oil in contaminated freshwater. Chemosphere. 2021 Nov;282:130973. doi: 10.1016/j.chemosphere.2021.130973. Epub 2021 May 25.

 

ยื่นคำขอจดสิทธิบัตร

  1. Onruthai Pinyakong and Chatsuda Sakdapetsiri (2020) Process for immobilization of crude oil-degrading bacteria on immobilized material (polypropylene) Patent application number 10 June 2020
  2. Onruthai Pinyakong and Kallayanee Naloka (2021) Process for immobilization of on oil adsorbent material (polyurethane) in coconut water for oil removal Patent application number 11 August 2021

📢📢**ประชาสัมพันธ์ บริการใหม่!!! จาก งานวิจัยและบริการวิชาการ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเพิ่ม KPI ภาควิชา/CE-RU-STAR** 📢📢

👉อาจารย์ที่สนใจสามารถนัดสัมภาษณ์เพื่อให้ข้อมูลข่าว หรือ ส่งข่าวสั้นมาได้ที่ลิ้ง https://forms.gle/7rpAGtXRP2QTCAX79 หรือ สแกน QR code ด้านล่างนี้

👉สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ งานวิจัยและบริการวิชาการ คุณธนัฏฐา สุทธิมาศ โทรศัพท์ 02-2185128